《三竹》根据真实故事改编，讲述了七个正处于少年时期的学生为了逃离三竹这个乡下，不惜以身试法吸食毒品。他们的老师并没有放弃他们，反而教导他们，并给他们机会让他们证明自己的存在价值和生命意义。
----------------------------------------------
ท่ามกลางปัญหายาเสพติดที่แพร่ระบาดอย่างหนักไปทั่วทุกท้องที่ของประเทศ รวมถึงชุมชนเล็ก ๆ อย่างอำเภอสามชุก เด็กนักเรียน 7 คน ที่ชีวิตกำลังอยู่ในวัยสดใส สนุกสนาน มีความฝันและความรัก แต่วันนี้พวกเขาต่างต้องเผชิญกับปัญหา โดยแต่ละคนไม่สามารถหาทางออกได้ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พวกเขากำลังตกนรกทั้งเป็นด้วยการถลำลึกไปกับวังวนของยาเสพติด สังคมรุมประณามเด็กที่กำลังหลงทาง ครูธรรมดาคนหนึ่งกล้าที่จะลุกขึ้นประกาศกับสังคมว่าเด็กทั้ง 7 เป็นเพียงเหยื่อของความเสื่อมในสังคมเท่านั้น ครูผู้นี้ได้ ต่อสู้เคียงข้าง และพยายามเข้าถึงปัญหาของเด็กแต่ละคน ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะนำพาเด็กทั้ง 7 คนลุกขึ้นยืนได้ใหม่อีกครั้ง
นี่ คือการตีแผ่เรื่องจริงในซอกมุมเล็ก ๆ มุมหนึ่งในสังคมไทย ของครูกับลูกศิษย์อีก 7 คน ที่ปลุกกระแสชุมชนให้ลุกฮือขึ้นมาต่อสู้กับปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง เนื่องจากพิษภัยของมันนั้นมหาศาลนัก นอกจากทำให้ผู้เสพได้รับความทุกข์ทรมานแล้ว ยังเป็นที่มาของการก่ออาชญากรรมขั้นรุนแรงด้วย
——
4+ 很揪心也很燃，节奏有点慢。生命面前人人平等，种姓制度太可怕。
你可以有一百种理由嫌弃印度，唯独印度电影不行！我们在印度电影中看到了人生的深度，也看到了这个国家的贫穷与残酷，但总有那么一丝光温暖着人心，这可能就是印度电影最大的魅力。
名为calling的针刺在十多年前的心上。
2022-1-5. 人物脸谱化，所有的冲突都在一分钟内得到解决，只着重拍了暴力，律师伟光正、法官没智商、反派太诚实，看不到人性的挣扎，拼拼凑凑水了将近三小时时长，也就看在题材的份上不打一星了。
剧本十分，而且居然是真人真事！！本片最大亮点无疑是剧本，扎实到可怕；而其二是“不可触摸者”在剧中的表演，不知道导演是如何调教的，妻子和三个被打的素人、甚至其他的素人群演的表现真的很让人信服，妻子最后在雨中那个感激、痛苦、心酸、释放的那种复杂表情真的特别到位。
与政府对抗，这是一条多么艰难的路。
电影的价值与意义 没有追求的生活有什么意思
2022-1-5. 人物脸谱化，所有的冲突都在一分钟内得到解决，只着重拍了暴力，律师伟光正、法官没智商、反派太诚实，看不到人性的挣扎，拼拼凑凑水了将近三小时时长，也就看在题材的份上不打一星了。
印度电影看过的并不多，除去歌舞剧情还算紧凑。除了多线叙事，内容没有想象中波折起伏。主角人物塑造扁平化，大量镜头语言和BGM烘托英雄形象。横向与韩国《辩护人》比较，这部电影并没有想象中的好。但是，真人真事改编，从中可以看出印度司法改革的努力。值得推荐。
类型化做的挺好的，虽然废戏很多，但节奏还算紧凑，通篇叙事都很流畅。但这也是这部电影最大的问题，为了节奏，很多都太直给了。比如：拍弱者一定是非常夸张的俯拍，拍施暴警察一定是超低角度的仰拍。再比如律师思考的时候，喜欢拍网球，还自言自语（跟廖凡一样）。这些过于“油腻的类型化”的拍摄与叙事技巧往往降低了影片的现实质感与可信度。
我竟然看完了。感觉看完了一个电视剧。。哈哈哈
“尊重一个人的才能取决于他们使用它的目的。”
可怜的印度阿三，在种姓歧视的泥潭里跳不出来了，印度警察对于卑微的低种姓来说，算是流氓和强盗的混合体吧
将近三个小时，有些冗长了。电影本身拍的也就那样吧，分数有些虚高，印度底层贱民遭受种姓制度的荼毒之苦。只是敢于把家底里那些糟粕的社会顽疾一股脑的呈现给世人，就这一点勇气来讲，还是很值得肯定的。
打着韩国《辩护人》的称号，自然增加了不少期待。得益于叙事的方式和节奏，三个小时的片长并不觉得冗长乏味。社会命题固然沉重，但整个庭审胜利和伟光正的主角，未免有些轻巧了。（3.5星）
三星半。不能给太多，怕太骄傲。比较商业片，非常努力让观众能看懂。胜在题材承担着足够的社会性，选角也极具魅力。但是还是逃不过印度片比较夸张的表达方式，还是不太符合个人审美。
不知道实际情况会怎么推进进程，单从电影的角度来说，案件拨乱反正的过程太容易了，黑警的反抗太弱鸡，不够“专业”，态度也不够彻底。
警察在监狱里虐待犯人看得挺难受的，真实度很高。音乐起得太多太没创意，这些印度片已经套路化了，这样的电影看过太多了，最后的神奇收尾也让我丝毫没有了爽感，大部分似曾相识的情节也逐渐将我的观影乐趣消耗殆尽。
你发表的关于《Jai Bhim》的短评，因为 涉及时政或意识形态等信息，已被移除。
Copyright © 2015-2023 All Rights Reserved
